สอน seo

การทำ SEO ในยุคปัจจุบันมีความยากมากขึ้น เป็นช่องทางการตลาดที่มีการแข่งขันสูง เพราะทุกธุรกิจล้วนอยากให้เว็บของตัวเองติดอันดับบนหน้าค้นหา Google แต่การแสดงผลหน้าแรก Google นั้นมีพื้นที่จำกัด พื้นฐาน SEO ของคุณต้องแน่นก่อนถึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จครับ

นิยามของ SEO ปี 2024 จะเปลี่ยนไป จาก Search Engine Optimization สู่ Searcher Experience Optimization คือ การสร้างประสบการณ์ใช้งานบนเว็บให้เหมาะกับคนค้นหา เราไม่ได้ทำ SEO เพื่อให้ Google ชอบ แต่ทำ SEO เพื่อเอาใจคนอ่าน ถ้าคนอ่านชอบเว็บเรา Google จะวิ่งเข้ามาให้รางวัลกับเว็บเราเอง

ข้อดี และข้อเสีย ของการทำ SEO

พิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียของการทำ SEO เพื่อให้คุณได้วางแผนและเตรียมทำใจไว้ล่วงหน้าครับ

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ แสดงให้เห็นว่าคุณมีความเชี่ยวชาญในด้านนั้นจริง ๆ
  • เพิ่ม Traffic คนเข้าเว็บ ช่วยให้ผู้คนจดจำแบรนด์ของคุณได้มากขึ้น
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เมื่อเทียบกับการลงโฆษณาประเภทอื่น ๆ
  • ปิดการขายได้ง่ายขึ้น เราไม่ต้องเสนอขาย เพราะลูกค้าเดินเข้ามาหาเราเอง
  • ไม่เห็นผลในทันทีต้องใช้เวลา 3-6 เดือนขึ้นไป ถึงจะเริ่มเห็นผลลัพธ์
  • เราไม่สามารถการันตีอันดับการทำ SEO บน Google ได้
  • ไม่มีทางลัด ใช้เงินซื้ออันดับก็ไม่ได้ เราต้องลงมือทำเองเท่านั้นถึงจะได้ผล
  • เราอยากติดหน้าแรก คนอื่นก็อยากติดหน้าแรก ดังนั้นการแข่งขันสูงมาก
ข้อดี seo

ตัวอย่างผลลัพธ์การทํา​ SEO ที่ประสบความสำเร็จ ในช่วงเวลา 6 เดือนล่าสุดของเว็บนี้ สามารถพาคนคลิกเข้าชมเว็บแบบธรรมชาติ (Organic Traffic) ได้ถึง 31 ล้านครั้ง โดยไม่ต้องลงโฆษณา Google และไม่ต้องยิง Ads Facebook เลย

คุณลองจินตนาการดูนะ หากคุณเปิดร้านขายของแล้วมีลูกค้าเดินเข้าร้านคุณวันละ 2 แสนคน คุณจะได้ยอดขายเท่าไหร่?

นอกจากนี้การทำ SEO ยังถือว่าเป็น Asset ชนิดหนึ่ง คือปริมาณคนเข้าเว็บมันจะสะสม และเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ ตามจำนวนคอนเทนต์ที่เราทำบนเว็บ

นั้นหมายความว่า หากคุณทำ SEO ประสบความสำเร็จ บางเดือนคุณอาจจะขี้เกียจโพสบทความ หรือหยุดทำการตลาดช่องทางอื่นๆ คุณอยู่เฉยๆ แต่ก็ยังมีคนเข้าเว็บของคุณอยู่ตลอดเหมือนเดิม 

แค่ว่าข้อเสียหลักๆ ของการทำ SEO ก็คือ มันไม่มีทางลัด ต้องใช้เวลา 4-6 เดือน ถึงจะเริ่มออกดอก ออกผล ดังนั้น ในช่วงแรกคุณต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่อง และใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก

หลักการ SEO พื้นฐานที่ต้องรู้ก่อน 

ปัญหาที่ผมพบเจออยู่บ่อยๆ ในการสอน SEO ก็คือ ผูเรียนแต่ละคนมักมีความรู้ SEO ที่เคยรู้มาก่อน ติดมาด้วย แต่หลายๆ ครั้งความรู้เดิมก็เป็นอุปสรรคในการเรียนรู้วิธีทำ SEO อย่างถูกต้อง ดังนั้น ผมแนะนำให้คุณวางความรู้เดิมเอาไว้ก่อน แล้วเริ่มต้นเรียนรู้หลักการ SEO ใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นครับ

SEO คืออะไร?

Search engine optimization (SEO) คือ การเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านภายในเว็บไซต์ (On-page) และภายนอกเว็บไซต์ (Off-page) โดยมีเป้าหมายให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับหน้าแรก Google และเพิ่มปริมาณคนคลิกเข้าเว็บแบบธรรมชาติ โดยไม่ต้องซื้อโฆษณา

E-A-T factor คืออะไร?

E-A-T factor คือ เกณฑ์วัดความน่าเชื่อถือของเว็บ เว็บไซต์จะมีความน่าเชื่อถือได้ ต้องมีองค์ประกอบ 3 ส่วนหลัก Expertise – Authoritativeness – Trustworthiness

องค์ประกอบหลักของการทำ SEO

จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้ 1) Technical SEO 2) On-page SEO โครงสร้างเนื้อหา ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ 3) Off-page SEO การอ้างอิงหรือโหวตจากเว็บอื่นๆ

SEO ทำเอง หรือ จ้างคนทำให้ดี

การทํา​ SEO นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะเรียนรู้ ถ้าคุณมีเวลา การลงมือทำ SEO ด้วยตนเองจะได้ผลดีที่สุด แต่หากคุณต้องการจ้างคน รับทำ SEO เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะใช้เงินได้อย่างคุ้มค่า ผมแนะนำให้คุณคลิกดูคลิปข้างๆ ให้จบก่อน

สอนทํา SEO ฟรี แบบทีละขั้นตอน step by step

บทความสอน SEO ชุดนี้ เป็นเพียงหลักการตั้งต้น สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี กับการทำ SEO บนเว็บตัวเอง ค่อยๆ เรียนรู้การทำ SEO ตามลำดับบทความที่ผมได้จัดเรียงเอาไว้นะครับ (อธิบายแบบละเอียดที่ละขั้นตอน)

step 1. เตรียมความพร้อมก่อน ทำ SEO

เรียนรู้ภาพรวมของการทำ SEO ทั้งหมด ว่ามีรายละเอียดมากน้อยขนาดไหน ยากหรือง่าย เพื่อให้คุณได้เตรียมตัว และวางการแผนการทำ SEO ต่างๆ ได้อย่างถูกต้อง

เข้าสู่บทเรียน

step 2. วิเคราะห์ SEO เว็บไซต์คู่แข่ง

จะทำ SEO ให้ได้ผล เราต้องรู้จักวิธีวิเคราะห์เว็บไซต์คู่แข่งก่อน เมื่อรู้เขา รู้เรา ย่อมทำให้การทำ SEO ของคุณมีโอกาสชนะ มากกว่าแพ้ รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง การทำ SEO ก็เช่นเดียวกัน

เข้าสู่บทเรียน

step 3. วิธีเช็คอันดับเว็บไซต์

ทุกครั้งที่คุณค้นหาข้อมูลบน Google ประวัติการค้นหาเว็บไซต์ของคุณจะถูกบันทึกเอา เมื่อคุณเข้าเว็บไหนบ่อยๆ อันดับการแสดงผลของเว็บนั้น จะอันดับดีกว่าความเป็นจริง ซึ่งมันยังไม่ถูกต้องนัก

เข้าสู่บทเรียน

step 4. โปรแกรมหา Keyword

โปรแกรมหา keyword ที่ผมแนะนำให้คุณลองใช้ คือ Ubersuggest ซึ่งเป็น SEO tool ที่ใช้งานง่าย และราคาถูกที่สุดในปัจจุบัน จุดเด่นของเขาคือ หา Keyword และแอบดู backlink จากเว็บคู่แข่งได้

เข้าสู่บทเรียน

step 5. สูตรหา keyword 

การทำ SEO ก็เหมือนการแต่งเพลง นอกจากเพลงต้องเพราะแล้ว ต้องเป็นสิ่งที่มีคนอยากฟังอีกด้วย การหา Keyword แม่นๆ จึงช่วยพาผู้คนให้ค้นหาเจอเว็บเราเพิ่มขึ้น

เข้าสู่บทเรียน

step 6. On-page Checklist Tool

On-page structure checklist คือ เครื่องมือตรวจสอบโครงสร้าง การเขียนบทความ SEO เพื่อให้ Google เข้าใจในสิ่งที่เราเขียนง่ายขึ้น ช่วยให้เว็บติดหน้าแรกได้

เข้าสู่บทเรียน

step 7. การใช้ Yoast SEO

Yoast คือ ปลั๊กอินสำหรับการทำ SEO บน WordPress เป็นปลั๊กอินที่มียอดนิยม แต่เราจะใช้ Yoast ในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพต้องทำยังไง บทเรียนนี้มีคำแนะนำครับ

เข้าสู่บทเรียน

step 8. On-page SEO เว็บขายของ

On-page SEO บนเว็บร้านค้า WooCommerce มีวิธีการทำ SEO ที่แตกต่างจากการปรับบนเว็บทั่วไป บทความนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำเว็บ E-commerce โดยเฉพาะ

เข้าสู่บทเรียน

step 9. การทำ SEO รูปภาพ

การทำ SEO รูปภาพ คือ การทำให้ Search Engine เข้าใจว่ารูปภาพที่เราใส่บนเว็บของเราคือรูปอะไร เพื่อสร้างโอกาสให้มีรูปภาพจากเว็บของเรา ไปปรากฏบนการค้นหารูปภาพ

เข้าสู่บทเรียน

step 10. ติดตั้ง google search console

วิธีการติดตั้ง google search console เข้ากับเว็บไซต์ WordPress เพื่อเช็คสถิติการเข้าถึงเว็บไซต์ และช่วยให้เว็บของเรามีโอกาสติดอันดับหน้าแรกได้ง่ายขึ้น

เข้าสู่บทเรียน

step 11. ปรับความเร็วเว็บ

หากคุณต้องการเพิ่มยอดขายในโลกออนไลน์ การทำเว็บให้โหลดเร็วๆ เป็นสิ่งสำคัญ จากสถิติพบว่า 53 % ของคนเข้าเว็บไซต์ จะปิดหน้าเว็บนั้นหากโหลดช้าเกิน 3 วินาที

เข้าสู่บทเรียน

step 12. วิธีทำ Backlinks

Backlink คือ ลิงค์จากเว็บอื่นๆ ที่ชี้กลับมาที่เว็บไซต์ของเรา เป็นสิ่งที่บอก Google ให้รู้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์เราได้รับการยอมรับ Backlink จำเป็นมากน้อยแค่ไหน บทเรียนนี้มีคำตอบครับ

เข้าสู่บทเรียน

step 13. กลยุทธ์ Content Hub

Content Hub เป็นรูปแบบการทำ Landing Page ประเภทหนึ่ง แทนที่เราจะเขียนบทความยาวๆ แต่เราจะออกแบบให้มีลักษณะเป็น Content Hub แทน

เข้าสู่บทเรียน

step 14. ทำ redirect 301

การทำ redirect 301 คือ การเปลี่ยนเส้นทางของ URL หนึ่งไปยังอีก URL หนึ่งอย่างถาวร และยังเป็นตัวช่วยรักษาการติดอันดับบน Google อีกด้วย

เข้าสู่บทเรียน

step 15. ปรับ Core Web Vitals 

นอกจากต้องทำเว็บให้มีคะแนน Page speed สูงๆ เราต้องคำนึงถึงประสบการณ์การใช้งานหน้าเว็บ เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ Core Web Vitals ด้วย

เข้าสู่บทเรียน

step 16. Local SEO คืออะไร

Local SEO คือ การทำ SEO โดยโฟกัสไปที่ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ เป็นกลยุทธ์ SEO สำหรับธุรกิจท้องถิ่น เอาไว้สู่กับเว็บใหญ่ๆ

เข้าสู่บทเรียน

step 17. ทำ Canonical Tags

Google ไม่ชอบเว็บที่มีเนื้อหาซ้ำกัน หากคุณทำเนื้อหซ้ำซ้อนกันไปแล้ว คุณจำเป็นต้องทำ Canonical บอก Google ด้วยว่า เนื้อหาหน้าไหนที่ซ้ำกันบ้าง

เข้าสู่บทเรียน

step 18. 100 คำถาม-คำตอบ SEO

100 คำถาม-คำตอบ เกี่ยวกับการทำ SEO เพื่อไว้เป็นไกด์ไลน์ สำหรับมือใหม่และผู้เริ่มต้น จะได้ไม่ต้องเสียเวลา ลองผิดลองถูกครับ

เข้าสู่บทเรียน

Bonus: The Ultimate SEO Checklist

ดาวน์โหลด SEO checklist

สรุป สอนทํา SEO ฟรี (อัพเดท 2024)

บทความสอน SEO ฟรี ชุดนี้เป็นเพียงแหล่ง เรียนรู้ SEO ในระดับเริ่มต้นเท่านั้น การทำตามบทความนี้ครบทุกขั้นตอน ไม่ได้เป็นเครื่องการันตี ว่าเว็บไซต์ของคุณจะติดอันดับหน้าแรก บทความนี้เพียงช่วยให้เว็บของคุณไม่หลงทาง และผ่านเกณฑ์พื้นฐานที่ Google ได้วางเอาไว้นั้นเอง การเริ่มเรียนรู้ SEO ด้วยวิธีการที่ถูกต้องเท่านั้น ถึงจะช่วยให้เว็บเราติดอันดับการค้นหาได้ดี และจะช่วยให้เราติดแบบยั่งยืน อันดับหล่นยากนั้นเอง